ปืนไม่เอาแล้วใช่ไหม!! “หงส์” ขอรับจบแล้วกัน

ผลบอลสด

บิ๊กแมทช์ระหว่าง อาร์เซนอล กับ ลิเวอร์พูล มีความแอบคล้าย เอฟเอ คัพ รอบชิงที่มิลเลเนียมปี 2001 ที่หลายคนพูดถึงตั้งแต่ก่อนคิกออฟแล้ว ถ้าตัดสิ่งที่ไม่เหมือนกันออกไปคือ 23 ปีที่แล้ว “ปืนใหญ่” ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 แต่ลูก 2 ไม่มาซักทีทั้งๆที่หลุดโล่งนับไม่ถ้วน

จนกระทั่ง stunning late comeback ความมหัศจรรย์ของ ไมเคิ่ล โอเว่น ยิง 2 ลูกใน 5 นาที (83 และ 88) เข้าป้ายคว้าแชมป์ไปหน้าตาเฉย ครับ อาร์เซนอล ในยุค มิเกล อาร์เตต้า ควรปิดบัญชี “หงส์แดง” สบายๆได้ตั้งแต่ครึ่งแรกซึ่งเป็นช่วงที่กดยับอัดไม่เลี้ยง เดลี่เมลถึงขนาดพาดหัวขยายความพ่ายแพ้ครั้งนี้เอาไว้ว่า Wasteful Gunners are dumped OUT ยิงนกตกปลาเละเทะจนร่วงตกรอบไปเอง

ผลบอลสด

โมเมนท์จะแจ้งหลายสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นลูกหลุดเดี่ยวล็อกหนี อลิซอน ของ เนลสัน ตั้งแต่นาทีที่ 3, ลูกยิง 3-4 หนของ ไค ฮาแวร์ตซ์ หรือที่ควรเป็นประตูที่สุดแล้วของเกมนี้คือการยิงชนคานของ โอเดการ์ด ที่ใครเห็นก็ว่าหาย

และอีกหลายต่อหลายจังหวะซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในรูปเกมที่ว่า “หงส์” ร้องขอชีวิตสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

มาร์ติน คีโอว์น อดีตกองหลัง “ปืนใหญ่” ยอมรับว่า “ไค” เชื่อมเกมตรงกลางสนามดีเลิศแต่จบสกอร์ก๋องแก๋งสุดๆ

เชื่อว่าแฟนลิเวอร์พูลรู้อยู่แล้วว่าจะเจอกับอะไรเพราะขนาดเกมที่แอนฟิลด์ตัวผู้เล่นฟูลๆแดนกลางยังเป็นรองค่อนข้างเยอะพอสมควร

โดนเพรสหนักหน่วงมาก แนวรับลนลานเพราะเจอเข้าไว กลางจะร่นมาล้วงก็โดนตามติดเสียบอลในพื้นที่อันตรายหลายต่อหลายครั้ง

ครั้นจะมา “กดสูตร” ลูกหากินคือการวางยาวทำไม่ได้เหมือนเก่า

เกมที่แอนฟิลด์ “หงส์” แก้ลำการเพรสของ “ปืนใหญ่” ด้วยลูกวางยาวทแยงของ VvD ที่วันนี้ดันป่วยยิ่งฉิบหายเข้าไปอีก

การขาดไปของ โม ซาลาห์ นี่ชัดเจนสุดๆครับ จะเห็นได้ว่าการวิ่งสอดจาก เอเลียตต์ ไม่มีเลย (น้องตัวเล็กและสไตล์ชอบรอรับบอลทำชิ่งมากกว่า)

ดังนั้นจึงต้องปรบมือชมการแก้เกมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือบางทีอาจจะได้คำแนะนำจาก เป๊ป ลินเดอร์ส ด้วยซ้ำที่ให้ หลุยส์ ดิอาซ โยกมาเล่นทางขวาเพื่อวิ่งเอาบอลวางยาวซึ่งได้ผลโคตรๆ

แท็คติกส์นี้ยิ่ง “คลิก” เข้าไปอีกเมื่อ นูนเญซ​ โยกไปเล่นทางซ้ายซึ่งลักษณะความเร็วที่ไปข้างหน้ามากกว่าล็อกดึงจังหวะแบบ ดิอาซ ทำให้ เบน ไวท์ ต้องตามคุม หมดสิทธิ์เติมเกมรุกไปโดยปริยาย

ทั้งนี้ทั้งนั้น 2 ประตูที่มาจากลูกโชคคือ OG. นาที 80 และจังหวะสวนกลับ 2-0 ทดเจ็บนาทีสุดท้ายต้องยกให้เครดิตเกมรับไปเต็มๆ เล่นเป็นพระเอก “ยื้อ” ชีวิตทั้งๆที่สายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มตัวตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว

อิบราฮิมา โคนาเต้ แกร่งทั่วแผ่นตามบี้ตามเคลียร์ได้ทุกเม็ดในขณะที่เจ้าหนู จาเรลล์ ควอนซาห์ เล่นไม่เหมือนดาวรุ่งเข้าไปทุกที จังหวะข้อเท้าพลิกใจหล่นไปที่ตาตุ่ม

ด้าน โจ โกเมซ ที่เกือบเป็นไส้ศึกเลี้ยงไปให้เขาแย่งซะงั้นแต่ในฐานะที่ผมเองก็เล่นกองหลังเห็นใจแกนะ

คือเล่นแบ็คซ้ายตำแหน่งไม่ถนัดเสียเปรียบชาวบ้านอยู่แล้วแต่ดันมาเจอในเกมที่โดนเพรสทุกจุดของสนาม ควอนซ่า เองก็ยังเด็กโดนบีบมากๆก็ส่งมาให้พี่มาช่วยแก้ไข (พี่บอกกูยังเอาตัวไม่รอดเลย)

แต่ประเด็นคือ โกเมซ ถนัดขวา (และแกมีซ้ายไว้ยืนฉี่) ต้องคอยเอียงตัวเพื่อให้บอลเข้าเท้าขวา ยิ่งทำให้ต้องหันหลังเล่นอยู่ตลอดเวลา

ถ้าเป็นพวกถนัดซ้าย ยังสามารถถ่างออกริมด้านข้างหันหน้ารอเปิดยาวได้ง่ายกว่า

เช่นเดียวกับการลงสนามของ โชต้า ที่เห็นชัดเจนว่าทรงบอล การพาบอลขึ้นมา การเก็บบอลดีกว่าทุกคนในแนวรุก

ขาดไม่ได้คือดาวรุ่ง คอเนอร์ แบรดลี่ย์ และ บ็อบบี้ คล้าร์ก ที่ลงมาช่วยทีมได้เยอะมากโดยเฉพาะรายแรกนิ่งจัดในหลายๆจังหวะได้รับการ “ว๊าก” (ชื่นชม) จากรุ่นพี่ 2-3 หน

ด้านผู้แพ้ อาร์เซนอล จริงๆเราไม่ควรต้องมาวิเคราะห์การเล่นของ ลิเวอร์พูล เลยหากพวกเขาคมๆใช้โอกาสสวยๆที่มีมันก็จบไปนานแล้ว

เห็นได้ว่าปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกคือการจบสกอร์อันเป็นเหตุทำให้แพ้ในทุกรายการมาแล้วถึง 3 นัดติด

กองหน้าคมๆเท่านั้นที่จะมากอบกู้วิกฤติให้ระบบต่อบอลทำชิ่งมันสปาร์คจอยซักที (แถมล่าสุด เชซุส เจ็บอีกแล้ว)

ในเกมที่ต้องออกมาเยือนเจอของแข็งอย่าง อาร์เซนอล แถมเป็นรองทั้งรูปเกมและตัวผู้เล่นเชื่อว่าแฟน “หงส์” รับได้ถ้าร่วงตกรอบและหันไปมุ่งเอาคาราวบาว คัพ ที่ตัดเชือกมีลุ้นมากกว่า

เรียกได้ว่านี่เป็นชัยชนะที่คู่ควรต่อการกดเลิฟ “น่ารักมากค่ะ” ให้กับหัวจิตหัวใจของแข้ง ลิเวอร์พูล แบบไม่ต้องกลัวมีดราม่าจริงๆครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ลิเวอร์พูล ชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุดที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม ด้วยสกอร์รวม 11-3

อาร์เซนอล 0-3 ลิเวอร์พูล
อาร์เซนอล 0-2 ลิเวอร์พูล
อาร์เซนอล 0-2 ลิเวอร์พูล
อาร์เซนอล 3-2 ลิเวอร์พูล
อาร์เซนอล 0-2 ลิเวอร์พูล

“หงส์แดง” บุกมาชนะ อาร์เซนอล ที่บ้านเป็นหนแรกในรายการเอฟเอ คัพ ในรอบ 60 ปีหรือตั้งแต่ปี 1964 นู่นเลย

อาร์เซนอลแพ้คาบ้านติดต่อกันด้วยผลต่าง +2 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 (แพ้ แมนฯยูฯ 1-3, แพ้ เชลซี 1-4)

“ปืนใหญ่” ชนะแค่ 1 จาก 7 เกมหลังสุดในทุกรายการโดย 3 เกมหลังสุดแพ้รวด เป็นการลงเล่น 7 นัดที่ชนะน้อยที่สุดนับตั้งแต่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม (LDWDLLL)

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.soccersuck.com
7-livescores.com : ผลบอลสด ไฮไลท์ และข่าวบอลอัปเดตทุกวัน

เว็บบาคาร่าที่คนเล่นเยอะที่สุด ทางเลือกดี ๆ สำหรับคนที่อยากหาประสบการณ์การเล่นการพนันที่มีคุณภาพ

คุณสามารถสร้างประสบการณ์ดีๆ เข้าเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ทุกเวลา

บาคาร่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *